วันอังคารที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560

ครุฑ นาค ตำนานแค้นสองเผ่าพันธุ์

ครุฑ นาค ตำนานแค้นสองเผ่าพันธุ์


ตามตำนานของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เล่าว่า ในครั้งบรรพกาลยังมีมหาเทพฤษีองค์หนึ่งนามว่า พระกัศยปมุนี ซึ่งเป็นฤษีที่มีฤทธิ์เดชมากและเป็นผู้ให้กำเนิดเทพอีกหลายองค์จนถูกเรียกขานว่า พระกัศยปเทพบิดร พระองค์มีชายาหลายองค์ โดยในบรรดาชายาทั้งหลายนั้นมีชายาสององค์ซึ่งเป็นพี่น้องกันนามว่า วินตาและกัทรุ
garuda
นางทั้งสองได้ขอพรให้กำเนิดบุตรจากพระกัศยป โดยนางกัทรุได้ขอพรว่าขอให้มีบุตรจำนวนมาก ซึ่งต่อมาก็ได้ให้กำเนิดนาคหนึ่งพันตัว อาศัยอยู่ในแดนบาดาล ส่วนนางวินตาขอบุตรเพียงสององค์และขอให้ลูกมีอำนาจวาสนา ซึ่งเมื่อนางคลอดบุตร ก็ปรากฏว่าออกมาเป็นไข่สองฟอง ด้วยความทนรอดูหน้าบุตรไม่ไหว นางจึงทุบไข่ฟองหนึ่งและปรากฏเป็นเทพบุตรที่มีกายเพียงครึ่งบนชื่อ อรุณ อรุณเทพบุตรโกรธมารดาที่ทำให้ตนออกจากไข่ก่อนกำหนดจนมีร่างกายไม่ครบ จึงสาปให้มารดาของตนต้องเป็นทาสนางกัทรุโดยกำหนดให้บุตรคนที่สองของนางเป็นผู้ช่วยนางให้พ้นจากความเป็นทาส จากนั้นจึงขึ้นไปเป็นสารถีให้กับพระอาทิตย์หรือสุริยเทพ นางวินตาจึงไม่กล้าทุบไข่ฟองที่สองออกมาดู และรอจนถึงกำหนด จนเมื่อไข่ฟักออกมา ก็ปรากฏเป็น พญาครุฑ ซึ่งเมื่อแรกเกิดนั้นก็มีร่างกายขยายออกใหญ่โตจนจรดฟ้า ดวงตายามกะพริบเหมือนฟ้าแลบ เวลาขยับปีกคราใด ขุนเขาก็จะตกใจหนีหายไปพร้อมพระพาย รัศมีที่พวยพุ่งออกจากกายมีลักษณะดั่งไฟไหม้ทั่วสี่ทิศ
ในกาลต่อมา นางกัทรุและนางวินตาได้ท้าพนันกันถึงสีของม้าอุไฉศรพ (บางตำราก็ว่าม้าทรงรถของพระอาทิตย์) ที่เกิดเมื่อคราวกวนเกษียรสมุทรและเป็นสมบัติของพระอินทร์ โดยพนันว่าใครแพ้ต้องเป็นทาสอีกฝ่ายห้าร้อยปี นางวินตาทายว่าม้าสีขาว ส่วนนางกัทรุทายว่าสีดำ ซึ่งความจริงม้าเป็นสีขาวดังที่นางวินตาทาย แต่นางกัทรุใช้อุบายให้นาคลูกของตนแปลงเป็นขนสีดำไปแซมอยู่เต็มตัวม้า (บางตำนานว่าให้พ่นพิษใส่จนม้าเป็นสีดำ) นางวินตาไม่ทราบในอุบายนี้เลยยอมแพ้ จนต้องเป็นทาสของนางกัทรุถึงห้าร้อยปี
ภายหลังเมื่อครุฑได้ทราบถึงสาเหตุที่มารดาต้องตกเป็นทาส จึงไปเจรจาขอให้พวกนาคยอมปล่อยมารดาตน พวกนาคจึงสั่งให้พญาครุฑไปเอาน้ำอมฤตมาให้เพื่อแลกกับอิสรภาพของนางวินตา พญาครุฑจึงบินไปสวรรค์ไปเอาน้ำอมฤตซึ่งอยู่กับพระจันทร์ แล้วคว้าพระจันทร์มาซ่อนไว้ใต้ปีก แต่ถูกพระอินทร์และทวยเทพติดตามมาและเกิดต่อสู้กันขึ้น ฝ่ายเทวดานั้นไม่อาจเอาชนะได้ ร้อนถึงพระวิษณุหรือพระนารายณ์ต้องมาช่วยขวางครุฑไว้และต่อสู้กัน ทว่าต่างฝ่ายต่างไม่อาจเอาชนะกันได้ ทั้งสองจึงทำความตกลงยุติศึก โดยพระวิษณุทรงให้พรแก่ครุฑว่าจะให้ครุฑเป็นอมตะและให้อยู่ตำแหน่งสูงกว่าพระองค์ ส่วนครุฑก็ถวายสัญญาว่าจะเป็นพาหนะของพระวิษณุและเป็นธงครุฑพ่าห์สำหรับปักบนรถศึกของพระวิษณุอันเป็นที่สูงกว่า
จากนั้น พญาครุฑก็นำหม้อน้ำอมฤตลงมา ทว่าพระอินทร์ได้ตามมาขอคืน พญาครุฑก็บอกว่าตนจำต้องรักษาสัตย์ที่จะนำไปให้เหล่านาคเพื่อไถ่มารดาให้พ้นจากการเป็นทาสและให้พระอินทร์ตามไปเอาคืนเอง จากนั้นครุฑได้เอาน้ำอมฤตไปให้นาคโดยวางไว้บนหญ้าคาและได้ทำน้ำอมฤตหยดบนหญ้าคา 2-3 หยด (ด้วยเหตุนี้ หญ้าคาจึงถือเป็นสิ่งมงคลในทางศาสนาพราหมณ์) ส่วนนาคเมื่อเห็นน้ำอมฤตก็ยินดี จึงยอมปล่อยนางวินตาให้เป็นอิสระ
naga
ขณะที่เหล่านาคพากันไปสรงน้ำชำระกายเพื่อเตรียมมาดื่มน้ำอมฤตนั่นเอง พระอินทร์ก็รีบมานำหม้อน้ำอมฤตกลับไป ทำให้พวกนาคไม่ได้กิน พวกนาคจึงเลียที่ใบหญ้าคาด้วยเชื่อว่าอาจมีหยดน้ำอมฤตหลงเหลืออยู่ ทำให้ใบหญ้าคาบาดกลางลิ้นเป็นทางยาว (เรื่องนี้กลายเป็นที่มาว่าทำไมงูจึงมีลิ้นเป็นสองแฉกสืบมาจนทุกวันนี้)
แม้ว่าจะไถ่ตัวมารดากลับมาได้แล้ว แต่พญาครุฑยังแค้นใจที่พวกนาคใช้เล่ห์กลจนมารดาของตนต้องตกเป็นทาส ทำให้พญาครุฑและเหล่าลูกหลานรุ่นต่อมา ตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกนาค โดยเหล่าครุฑจะโฉบลงมายังมหาสมุทรและโฉบนาคไปฉีกท้องจิกกินมันเปลวและทิ้งร่างไร้ชีวิตของนาคตกลงมหานที ข้างฝ่ายพวกนาคนั้นแม้จะพยายามต่อสู้แต่ก็ไม่อาจสู้ไหวจึงพากันเลื้อยหนีไปหลบภัยยังสะดือทะเล แต่ก็ถูกครุฑใช้ปีกโบกสะบัดจนน้ำลดแห้งและจับนาคไปฉีกท้องกิน เหล่านาคจึงพยายามกลืนหินใหญ่ลงท้องเพื่อถ่วงตัวให้หนัก ครุฑตนใดไม่รู้อุบายเวลาโฉบลงจับนาคก็ถูกหินที่นาคกลืนลงไปถ่วงน้ำหนักจนบินขึ้นไม่ไหวและจมน้ำตายส่วนครุฑที่รู้อุบายนี้ก็จะจับนาคทางหางและเขย่าจนนาคต้องคายหินออกมา
และนี่เองคือเรื่องราวความพยาบาทของพญาครุฑและพญานาค สองเผ่าพันธุ์สัตว์เทพเจ้าในตำนาน


ที่มา:http://www.komkid.com/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%91-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%992%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2/

เรียนบริหารทรัพยากรมนุษย์ จบแล้วทำงานอะไรได้บ้าง

เรียนบริหารทรัพยากรมนุษย์ จบแล้วทำงานอะไรได้บ้าง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เรียนการจัดการทรัพยากรมนุษย์

ตอนนี้เราเรียนปีหนึ่งบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด สาเหตุที่เราเลือกสาขานี้เพราะคิดว่าจบไปแล้วมันมีงานรองรับเยอะดี เพราะมันเป็นสาขาที่กว้าง ทำงานได้หลายอย่าง แต่พอเรียนไปแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าไม่เหมาะกับตัวเอง เราเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่ค่อยชอบแสดงออกมากนัก ปกติเราก็ไม่ค่อยพูดคุยกับเพื่อนในสาขาการตลาด จะไปคุยกับเพื่อนเอกอื่นมากกว่า เพราะเพื่อนๆที่เรียนการตลาดส่วนใหญ่จะเป็นพวกคุยเก่ง แสดงออกเก่ง เป็นนักกิจกรรมตัวยง ดูไฮโซ(ภายนอกนะ) เราเลยไม่ค่อยอยากสนิทสนมซักเท่าไหร่ 
ถ้าถามว่าเราเรียนไหวมั้ย เรายังเรียนไหว เทอมแรกก็ได้เกรดสามกว่าๆ แต่เราเกิดรู้สึกขึ้นมาว่า ถ้าจบไปแล้วเราจะไปทำอะไร จะได้ทำงานตรงกับที่เรียนมามั้ย เพราะเราพูดและแสดงออกไม่เก่งเลย พรีเซนต์ โปรโมตโฆษณาอะไรก็ไม่เก่ง และไม่ชอบด้วย(เราคิดว่ามันเหมือนเป็นการหลอกลวงนิดๆ) เรายังไม่รู้จุดหมายปลายทางของตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะทำอะไรตอนเรียนจบไปแล้ว ถามว่าเราชอบการค้าขายมั้ย บอกได้เลยว่าไม่ เราไม่ค่อยชอบอะไรที่มันต้องเจรจาต่อรองมาก แต่เราก็คิดว่าในชีวิตเราก็ต้องวุ่นอยู่กับงานพวกธุรกิจ เพราะขนาดที่บ้านเรายังทำธุรกิจเลย ตอนนี้เราเกิดสนใจที่จะเรียนสาขาการบริหารทรัพยากรมนุษย์มากกว่า เพราะเราสนใจเกี่ยวกับจิตวิทยา เราคิดว่าสาขานี้มันก็ต้องพูดเยอะเหมือนกัน เพราะมันเกี่ยวกับมนุษย์ แต่เพื่อนที่เรียนอยู่บอกว่าไม่ต้องพูดเก่งแบบการตลาด และอาจารย์ที่สอนการตลาดก็บอกว่าพวกที่เรียนบริหารทรัพยากรมนุษย์จะเป็นพวกเงียบๆ ไม่ค่อยวุ่นวายกะใครนัก เราก็ไม่รู้ว่าจริงมั้ย 

ที่มา:https://www.dek-d.com/board/view/1588295/

แนะนำ 8 สาขาในคณะบัญชี/บริหารธุรกิจ ที่น่าเรียน

 แนะนำ 8 สาขาในคณ แนะนำ 8 สาขาในคณะบัญชี/บริหารธุรกิจ ที่น่าเรียนะบัญชี/บริหารธุรกิจ ที่น่าเรียน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การจัดการจบมาทํางานอะไร

สวัสดีครับ.. คณะบริหารธุรกิจ ถือเป็นคณะแชมป์เก่าที่มาแรงมากทุกปี เพราะว่าสามารถสอบเข้ากันได้ทั้งสายวิทย์และสายศิลป์กันเลยทีเดียว โดยเฉพาะในปีนี้แอดมิชชั่นปี 53 เพราะจากสถิติโปรแกรมคำนวณคะแนนแนะกันให้ติดชัวร์แอดมิชชั่น 2553 ของเว็บไซต์เด็กดีดอทคอม มียอดการคำนวณเฉพาะคณะบริหารธุรกิจสูงถึง 2 ล้านคน มีสาขาอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยคร๊าบ 
>> สาขาวิชาการตลาด 
   สาขานี้ยอดนิยมตลอดกาล เรียนเกี่ยวกับการวางแผนการตลาดอย่างสร้างสรรค์ เรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค การวิจัยการตลาด การส่งเสริมการขาย และการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ประโยชน์ในการวางแผนทางการตลาด จบไปก็จะได้ทำงานเกี่ยวกับ การขาย นักวิจัยการตลาด นักบริหารลูกค้าสัมพันธ์ นักบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งงานด้านนี้กว้างมาก มีบริษัทรองรับหลากหลาย เรียกกันได้ว่าจบไปไม่มีตกงานแน่นอน แถมสาขานี้ถ้าทำงานไปแล้วเก่งจริงล่ะก็ เงินเดือนสูงลิ่วแซงเพื่อนๆที่เรียนคณะอื่นๆกันเลยทีเดียว 
>> สาขาวิชาการจัดการธุรกิจสมัยใหม่ 
   โอ้ โห้ แค่ชื่อก็กินขาดแล้วสำหรับสาขานี้ เพราะดูเป็นสมัยใหม่เข้าใจวัยรุ่นมากๆ ซึ่งใน 4 ปีก็จะได้เรียนเกี่ยวกับหลักการบริหาร และวางแผน การจัดการเชิงกลยุทธ์ ขั้นตอน และหลักการตัดสินใจ อีกทั้งคณะนี้จะส่งเสริมให้ได้ใช้ไอเดียของตัวเองมาริเริ่มในการประกอบ ธุรกิจตามที่ชื่นชอบอีกด้วย จบไปก็จะมีโอกาสก้าวสู่อาชีพในฝัน ไม่ว่าจะเป็น นักธุรกิจ ผู้จัดการสำนักงาน ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ผู้บริหารระดับสูง หรือเจ้าของธุรกิจส่วนตัว 
>> สาขาวิชาการบริหารองค์กร และทรัพยากรมนุษย์ 
   สาขานี้จะเหมาะสำหรับน้องๆที่ชอบการทำงานกับ คน เพราะเรียนเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กร และพัฒนาคน รวมถึงมุ่งเน้นการฝึกให้ใช้แนวคิดไอเดียของตนเองเอามาวางแผนกำลังคน การสรรหาคัดเลือกบุคคลที่มีคุณภาพ การฝึกอบรม และการพัฒนา การประเมินผล การจ่ายค่าตอบแทน และแรงงานสัมพันธ์ จบออกไปอาชีพที่รอต้อนรับอยู่ ก็จะเป็น ผู้จัดการทั่วไป ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ผู้จัดการแผนกการจ้างงาน ฝ่ายแรงงานสัมพันธ์ หรือฝ่ายบุคคลนั้นเอง 
>> สาขาวิชาการเงิน 
   ใคร ที่มีความฝันอยากเป็นหนุ่มสาวธนาคาร ต้องเรียนสาขาการเงินนี้เลย เพราะหลักสูตรจะเน้นการบริหารการเงินอย่างสร้างสรรค์ รอบรู้แนวคิด และหลักโครงสร้างการบริหารสถาบันการเงิน และตลาดหลักทรัพย์ หลักการลงทุน นโยบายการเงิน การคลัง ตลอดจนกฏหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สาขานี้จบไป ไม่ได้ไปเป็นพนักงานตามเคาท์เตอร์ธนาคาร ที่เราเห็นๆกันอยู่หรอกนะครับ อิอิ แต่จะเป็นงานเกี่ยวกับ การบริหารการเงิน นักวิเคราะห์ และบริหารสินเชื่อ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ นักการธนาคาร หรืองานที่เกี่ยวกับปริวรรตเงินตราต่างประเทศ ยิ่งสามสี่อันหลังนี่ถ้าใครเก่งจริงๆ เงินเดือนสูงปรี๊ดดดด จนเพื่อนๆคณะอื่นพากันอิจฉาไปตามๆกันเลยทีเดียว 
>> สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ 
   สาขายอด นิยมของคนที่ชื่นชอบทั้งคอมพิวเตอร์ และการบริหารฯ สาขานี้จะเรียนโดยสอนให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อนำไปสู่การเป็นนักบริหารด้าน คอมพิวเตอร์ เสริมศักยภาพระดับสูงด้วยการมีความคิดสร้างสรรค์ในด้านการบริหารธุรกิจ มีการเรียนใช้โปรแกรมสำเร็จรูป เทคโนโลยีสารสนเทศ และการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จบออกมาอาชีพที่รอต้อนรับอยู่นั้นก็คือ งานด้านไอที คอมพิวเตอร์ ต่างๆ แถมยังสามารถเข้าไปแย่งงานของสายกราฟิคดีไซน์ กับวิศวะคอม ได้ด้วยนะ เช่น นักออกแบบกราฟิกคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์ นักออกแบบ และวิเคราะห์ระบบงาน นักวิเคราะห์ทางธุรกิจ ผู้ดูแลเว็บไซต์ และผู้ให้คำปรึกษาด้านคอมพิวเตอร์ แต่สายนี้จะมีความละเอียดหน่อยนึง คำแนะนำของพี่หนึ่งคือ ถ้าชอบแต่คอมพิวเตอร์ ไม่ได้ชอบการบริหารล่ะก็ ให้ไปเรียนวิศวะคอมหรือวิทยาคอมเลย เพราะวิศวะกะวิทยาคอมจะเรียนคอมพิวเตอร์ 100% เลย แต่สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจนี้จะแบ่งเรียนคอม 50% การบริหาร 50% ครับ 
>> สาขาวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ 
   สาขา ในฝันของเด็กสายศิลป์ หรือสายวิทย์(แต่มีหัวใจศิลป์) สาขานี้จะส่งให้กลายเป็นนักบริหารจัดการธุรกิจระหว่างประเทศรุ่นใหม่ ที่ก้าวไกลด้วยความคิดสร้างสรรค์ทางธุรกิจ มีแนวคิดทางด้านการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศอย่างมีระบบ คนที่เรียนสายนี้จะต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยเป็นว่าเล่นเลย ถ้าใครชอบเดินทางล่ะก็ เหมาะสุดๆ ด้านอาชีพที่รองรับจะเป็นพวก นักวิชาการ นักวิจัยด้านการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ นักธุรกิจด้านการนำเข้า และส่งออก หรือที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจระหว่างประเทศ 
>> สาขาวิชาการเป็นเจ้าของธุรกิจ 
   กลาย เป็นสาขาใหม่ที่มาแรงมากๆ สำหรับสาขาวิชาการเป็นเจ้าของธุรกิจ เพราะหนุ่มสาวนักศึกษาล่าฝันทั้งหลายจะได้ฝึกฝนให้ได้เริ่มต้นก้าวไปสู่การ เป็นผู้ประกอบการ เป็นเจ้าของธุรกิจที่โดดเด่น จบมาไม่อยากเป็นลุกจ้าง อยากเปิดร้านขายเสื้อผ้า อยากเปิดร้านอาหาร ต้องสาขานี้เลย พร้อมเรียนแบบรู้ลึก และเข้าใจแนวคิดในการประกอบธุรกิจอย่างมีระบบ และสามารถผสานความคิดสร้างสรรค์ นำไปสู่การสร้างธุรกิจในฝันของคุณ คนที่จบสาขานี้ส่วนใหญ่เปิดธุรกิจส่วนตัวได้ง่ายๆ สบายมาก ^_^ 
>> สาขาวิชาการบัญชี 
   นี่ก็เป็นอีกสาขานึงที่ได้รับความนิยมกันอย่างมาก เพราะตำแหน่งงานเปิดกว้างกันมาก น้องๆที่เรียนจะได้ทำงานที่เกี่ยวกับ งบ งบดุล บัญชี ใบองค์กรต่างๆ หรือออกมาเปิดสำนักงานบัญชีของตัวเองก็ได้ (น้องๆคงจะเคยเห็นสำนักงานรับทำบัญชีอยู่ตามสถานที่ต่างๆ เพียบเลย) คนที่เรียนสาขานี้จะต้องมีความรักในตัวเลขมากเป็นพิเศษ เพราะงานที่ทำจะเกี่ยวกับตัวเลข ไม่มีการอินทิเกรตซับซ้อนอะไรหรอกนะ มีแค่การบวกลบคูณหารเท่านั้นเอง (แต่เยอะมวากกกกก) สาขานี้จบออกมาจะได้ทำงานเป็น นักบัญชี นักบริหารภาษี แถมสาขานี้ยังมีการอัพเกรดโดยการสอบผู้ตรวจบัญชี ซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชีนี้เป็นที่ต้องการและขาดตลาดมากๆ ในไทยมีคนสอบได้รวมทั้งหมดแล้วไม่กี่พันคนเองนะ หากเป็นได้แล้วไม่เพียงแค่ไม่ตกงาน แต่จะเงินเดือนสูงลิ่วๆเลย คนสอบได้จะได้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ว่ากันว่าผู้ตรวจสอบบัญชีนี้ ลายเซ็นต์ของเขาแกร๊กเดียว เท่ากับเงินเดือนของเพื่อนๆคณะอื่นทั้งเดือนกันเลยทีเดียว 


ที่มา : https://www.dektalent.com/board/view.php?topic=180

เพื่อน


เพื่อน
ในภาพอาจจะมี 15 คน, คนที่ยิ้ม, ผู้คนกำลังนั่ง

      จากกันวันนี้ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ที่เราจะได้มาไหมต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันไปคนล่ะทางทุกคนต่างมีความฝันเป็นของตัวเองไม่มีใครคาดเดาได้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรแต่ที่รู้ๆว่าสถานบันแห่งนี้ทำให้เราได้รู้จักกันได้เรียนรู้อะไรมากมายถึงแม้ว่าพวกเราจะเคยทะเลาะกันแต่ในวันนี้เราก็ดีกันและพวกเราใช้ชีวิต ม.ปลายได้เต็มที่ และวันหนึ่งเราจะต้องมาเจอกันแต่บางครั้งมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดถ้าวันนั้น้ราได้มาเจอกันจริงๆ เราอาจจะไม่สนิทสนมกันเหมือนตอนนี้แล้วก็ได้ ทุกคนต่างมีความฝันเป็นของตัวเองทุกคนต้องแยกย้ายมามีครอบครัวไม่แน่เราอาจจะมานั่งย้อนวันวานกันก็ได้เราเชื่อน่ะว่าความเป็นเพื่อนของพวกเราจะไม่มีวันจากหาย...เราคงยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เพื่อนบางคนก็เรียนไม่จบบางคนเรียน...แต่แล้วทุกคนๆก็ประสบผลสำเร็จกันทุกคน
.....ถึงแม้มันจะสั้นไปแต่เจอเถอะมิตรภาพของพวกเรามันยังคงที่

วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560

สูตรข้าวเกรียบปากหมอและสาคูไส้หมู


👊ข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู อาหารว่างแบบ👊👉ไทย ๆ ยอดนิยม👈
สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ ขนมไทยยอดนิยม

ข้าวเกรียบปากหม้อ เจอกี่ทีก็ต้องจัด ขายคู่กับสาคูไส้หมูเหนียวหนึบ อาหารว่างไทยแท้กินเพลินจนอยากจะลองขึงผ้าทาแป้งห่อไส้เองบ้าง น่าจะสนุก

          ข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารว่างแบบไทย ๆ ที่ไม่ว่าจะขายที่ไหน กลิ่นหอม ๆ ก็มักจะโชยมาแตะจมูกจนเราต้องหยุดซื้อทุกทีสินะ และเชื่อว่ามีครอบครัวคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ต้องการจะทำขนมข้าวเกรียบปากหม้อกินเอง โดยเฉพาะข้าวเกรียบปากหม้อไส้หมู เพราะได้ทั้งความอร่อยแล้วยังสนุกสนานในการทำอีกด้วย รู้อย่างนี้กระปุกดอทคอมก็ไม่รอช้าหรอกค่ะ ขอนำเสนอวิธีทําข้าวเกรียบปากหม้อโบราณ และจูงมือเพื่อนซี้อย่างวิธีทำสาคูไส้หมูมาด้วย เตรียมตัวมาจดสูตรข้าวเกรียบปากหม้อไปได้เลยฟรี ๆ แถมสูตรนี้บอกเลยว่า แป้งข้าวเกรียบปากหม้อเหนียวนุ่มสุด ๆ

ส่วนผสม แป้งข้าวเกรียบปากหม้อ

          • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย 
          • แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ 
          • แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ 
          • น้ำเปล่า 3 ถ้วย

ส่วนผสม แป้งสาคู

          • สาคูเม็ดเล็ก 3 ถ้วยตวง 
          • น้ำร้อน (สำหรับนวดแป้ง) 

ส่วนผสม ไส้หมู

          • พริกไทยขาวเม็ด 1/2 ช้อนชา 
          • รากผักชีสับ 2 ช้อนโต๊ะ
          • กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ  
          • น้ำมันพืช (สำหรับผัดไส้) 2 ช้อนโต๊ะ
          • หมูสับ 500 กรัม 
          • หอมแดง (หั่นเล็ก ๆ) 400 กรัม 
          • หัวผักกาดเค็มสับ 1/2 ถ้วยตวง 
          • ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ 
          • ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ 
          • น้ำตาลปี๊บ 3/4 ถ้วยตวง 
          • ถั่วลิสงบด 1 ถ้วยตวง

วิธีทำข้าวเกรียบปากหม้อ

          • คนผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งเท้ายายม่อม และน้ำเข้าด้วยกัน เตรียมไว้


วิธีทำแป้งสาคู

          • ล้างเม็ดสาคูให้สะอาดตักขึ้นสะเด็ดน้ำ ค่อย ๆ เทน้ำร้อนลงในแป้ง นวดจนแป้งเหนียว (ลองจับขึ้นมาปั้นถ้าเป็นก้อนถือว่าใช้ได้แล้ว) เตรียมไว้


วิธีทำไส้หมู

          • 1. โขลกพริกไทย รากผักชี และกระเทียมให้ละเอียดเข้ากัน เตรียมไว้ 

          • 2. เทน้ำมันพืชใส่กระทะนำขึ้นตั้งไฟ ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดจน หอม ใส่หมูลงผัดจนสุก ใส่หัวหอมแดง และผักกาดเค็ม ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส และน้ำตาลปี๊บ ผัดจนแห้ง และเหนียว ยกออกจากเตา ใส่ถั่วลิสงแล้วกวนให้เข้ากันอีกครั้ง เตรียมไว้ 

+++++++++++++

วิธีทำสาคูไส้หมู

          • 1. เตรียมหม้อสำหรับนึ่งให้พร้อม (ใส่น้ำในหม้อแล้วใช้ผ้าขาว บางขึงให้ตึงบนปากหม้อ) ยกขึ้นตั้งไฟจนน้ำเดือด ตักแป้งสาคูแผ่บางๆ ลงบนปากหม้อ ตักไส้ใส่ตรงกลางแล้วค่อย ๆ จับแป้งสาคูหุ้มไส้จนมิดเป็นก้อนกลม ๆ (อย่าเรียงให้ติดกัน)

          • 2. พรมน้ำบนลูกสาคูให้ทั่ว ปิดฝานึ่งจนสุก ตักขึ้นใส่ถาด พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว ทิ้งไว้สักครู่ จึงจัดแต่งให้สวยงามพร้อมรับประทาน

วิธีทำข้าวเกรียบปากหม้อ

          • 1. ละเลงส่วนผสมแป้งลงบนปากหม้อ  ปิดฝานึ่งจนแป้งสุก หรือเป็นสีใส ๆ นำไส้วางตรงกลาง ใช้พายปาดแป้งขึ้นห่อไส้ให้มิด ตักใส่ถาด พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว ทิ้งไว้สักครู่

          • 2. หลังจากนั้นก็ตักทั้งสาคู และข้าวเกรียบปากหม้อใส่จาน จัดให้สวยงาม โรยกระเทียมเจียวตามชอบ รับประทานคู่กับผักกาดหอม ผักชี และพริกขี้หนู พร้อมรับประทาน



ที่มา:https://cooking.kapook.com/view70851.html

8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี



👀8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี👀


1. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 


        มหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในประเทศไทย และอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเชีย "มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง" ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงราย มหาวิทยาลัยขนาดกลางที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา ท่ามกลางธรรมชาติ ยิ่งในช่วงหน้าหนาวนอกจากอากาศที่เย็น เห็นสายหมอกจางๆ ต้นไม้ดอกไม้ก็พากันบานสะพรั่งทำให้บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยงดงามเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยทีเดียว แม้ว่าตอนนี้จะเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วก็ยังมีต้นไม้ดอกไม้ผลัดกันผลิบาน สร้างสีสันให้กับมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง “ต้นเหลืองอินเดีย” ที่บานสะพรั่งเต็มถนน นักศึกษาและคนทั่วไปนิยมไปถ่ายรูปไม่แพ้ดอกชมพูพันธ์ทิพย์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน 
8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี

8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี


 2. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน 
        มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตั้งอยู่ในจังหวัดนครปฐม อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมดอก “ชมพูพันธุ์ทิพย์” หรือซากุระเมืองไทย โดยจะออกดอกบานสะพรั่งช่วงต้นปี สีชมพูสวยหวานต้อนรับวาเลนไทน์ ไปจนถึงเดือนมีนาคม ของทุกปี และจะร่วงโรยภายในเวลา 2 สัปดาห์เท่านั้น ทำให้นักท่องเที่ยวต่างเดินทางไปเที่ยวชมและถ่ายรูปอย่างมากมาย ไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินไปเมืองนอกให้เสียเวลา นอกจากต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ แล้วบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ยังร่มรื่นและสวยงามเป็นอย่างมาก เหมือนนั่งเรียนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ วิวสวยบรรยากาศดี จนต้องไปถ่ายซีรีย์กันเลยทีเดียว

8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี

8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี

8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี

 3. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 
8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี
        มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หรือ มทส. ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา บนพื้นที่กว่า 7,000 ไร่ เป็นมหาวิทยาลัยที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติต้นไม้ ตาน้ำ ผืนป่า โดยเฉพาะอุโมงค์ต้นไม้ ของ มทส. เรียกได้ว่าขึ้นชื่อเรื่องความงดงาม โดยอุโมงค์ต้นจามจุรีนี้ จะอยู่บนถนนเส้นที่จะมุ่งไปยังฟาร์มของมหาวิทยาลัย โค้งรับกับเส้นถนนสวยงามอย่าบอกใคร จนทำให้เป็นสถานที่ยอดฮิตของเหล่านักศึกษาและประชาชนทั่วไปนิยมมาถ่ายรูป หรือถ่ายพรีเวดดิ้ง กันอย่างมากมาย นอกจากจะเป็นสถานที่ศึกษาหาความรู้แล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยผลการจัดอันดับ “มหาวิทยาลัยสีเขียว 2015” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีติดอยู่ในอันดับที่ 2 ของประเทศไทย


8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี

  4. มหาวิทยาลัยขอนแก่น 
8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี
        อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อันดับต้นๆ ของประเทศไทย นอกจากชื่อเสียงด้านวิชาการแล้ว มหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ยังมีชื่อเสียงในเรื่องบรรยากาศรอบๆ มหาวิทยาลัยที่สวยงาม เต็มไปด้วยต้นไม้ โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ภายในมหาวิทยาลัยมีบึงสีฐาน ที่มีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ “นกเป็ดแดง” ที่ใครๆ ต่างเฝ้ารอ ขอนแก่น “เมืองแห่งเสียงแคน ดอกคูน”ดังนั้นภายในมหาวิทยาลัยยังมีการปลูกต้นคูน และดอกกัลปพฤกษ์ ซากุระแดนอีสาน อีกหนึ่งสถานที่ที่ประชาชนนิยมเข้าไปถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก บริเวณรอบๆ มหาวิทยาลัย จะมีต้นไม้ดอกไม้สีสันสดใสมากมาย แต่ที่เห็นได้ชัดคือ สีเหลืองจากดอกคูนและเหลืองเดีย สลับกับสีชมพูจากต้นกัลปพฤกษ์ รวมถึงถนนต้นสักทอดยาวสวยงามดั่งภาพวาด 
8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี
        
8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี


       5. มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ 

        กลับมาที่จังหวัดนครปฐมอีกครั้ง กับความงามแบบคลาสิค จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ ที่เก่าแก่ทรงคุณค่าและงดงาม ภายในมหาวิทยาลัยยังร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ และสระแก้ว สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นเย็นกายเย็นใจ โดยเฉพาะบรรยากาศบริเวณลานอนุสาวรีย์ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะเต็มไปด้วยดอกชมพูพันธุ์ทิพย์สีชมพูบานสะพรั่งทั่วบริเวณ 

       

6. มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี 
        มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ขึ้นชื่อว่าเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งขุนเขา” โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติ ตั้งอยู่ที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี บนเนื้อที่ประมาณ 6,000 ไร่ เสมือนเรียนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และสัตว์ป่า แม้ที่วิทยาเขตกาญจนบุรีแห่งนี้จะไม่มีดอกไม้สีสันสวยงามบานสะพรั่งเต็มมอก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงกลิ่นอายและวิวสวยๆ ของต้นไม้และขุนเขาแล้วไม่แพ้ที่ใดในโลกเลยทีเดียว นอกจากนี้ที่วิทยาเขตกาญจนบุรี ยังมีรีสอร์ทอยู่ภายในมหาวิทยาลัยที่ชื่อว่า “วิมานดินรีสอร์ท” เปิดให้คนภายนอกได้เข้าพักอีกด้วย ยิ่งในช่วงหน้าหนาวจะเห็นสายหมอกท่ามกลางขุนเขาสวยติดตราตรึงใจเป็นอย่างมาก 
8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี

 7. มหาวิทยาลัยนเรศวร 
8 มหา'ลัยไทย วิวส๊วยสวย..บรรยากาศดี๊ดี
        มหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ มีชื่อเดิมว่า มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น“มหาวิทยาลัยนเรศวร” โดยมีสัญลักษณ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำมหาวิทยาลัยนั่นก็คือ “องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะลานที่อยู่ใกล้กับหอสมุด ชาว มน. จะเรียกว่าลานเทเลทับบี้ มีลักษณะเป็นเนินหญ้าจะเหมือนในการ์ตูนเทเลทับบี้ และมีการปลูกต้นไม้ประจำจังหวัดในประเทศไทยที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้อีกด้วย โดยเฉพาะ “ดอกเสลา” ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยนเรศวรที่ออกดอกบานสะพรั่งเต็มมอ สีชมพูอมม่วงสวยตรึงใจ

 

  8. มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 

        แวะลงใต้มาเที่ยวชมมหาวิทยาลัยวลัยลัษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่กว้างใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พื้นที่มากกว่า 9,000 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช บรรยากาศรอบๆ มหาวิทยาลัย จะเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ตึกอาคารเรียนไม่สูงมากนัก อากาศเย็นสบายตอนกลางคืน มีต้นไม้เต็มสองข้างทางถนนเข้ามอ และยังมีทะเลสาบด้านหน้ามหาวิทยาลัยอีกด้วย 
       

ลดน้ำหนัก



ลดน้ำหนัก


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิธีลดความอ้วน



สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน
วันที 1

เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก
วันที 2

เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก
วันที 3

เช้า กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม(หมู, เนื้อ)
เย็น สลัดผัก
วันที 4

เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน สลัดผัก และไก่ยาง 1 ชิ้น
เย็น โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที 5

เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1
กลางวัน ส้มตำ และไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น สลัดผัก
วันที 6

เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา ไม่จำกัด
เย็น สลัดผัก
วันที 7

เช้า ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้น หรือไข่ต้ม 1ฟอง
กลางวัน เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม (หมู, เนื้อ)
เย็น สับปะรด 1 ชิ้น
***หลายคนเข้ามาดูกระทู้นี้แล้วนำสูตรไปใช้ตาม ปรากฎว่าได้ผลกันเป็นแถวๆอย่างไม่น่าเชื่อ บางคนก็ลดได้น้อย บางคนก็ลดได้มาก ขึ้นอยู่กับความพยายาม และนี่คือตัวอย่างของคนที่สามารถลดน้ำหนักได้จากสูตรนี้




ที่มา:http://www.tlcthai.com/education/knowledge-online/79444.html